กลยุทธ์ลับที่ปู่บัฟเฟตต์ ใช้ทำกำไร
(คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้)

รู้ไหมว่าปู่บัฟเฟตต์คือ Options Trader ตัวพ่อ…

คำว่า Trader ดูห่างไกลจากปู่บัฟเฟตต์มากใช่ไหมครับ นักลงทุนส่วนใหญ่จะมีภาพติดตาว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนแนว Value Investing ที่จะซื้อหุ้นดี ในราคาเหมาะสม ซื้อเสร็จก็รอๆๆๆๆๆ จนกว่า ราคาจะขึ้นไปเท่ากับมูลค่าที่เราคำนวณไว้แล้วค่อยตัดสินใจขาย

เพื่อทำกำไรหรือถือต่อหากมูลค่าเพิ่มขึ้น  แต่น้อยคนจะรู้ว่า ท่านไม่ได้ลงทุนแบบ VI เพียวๆเหมือนตอนวัยรุ่นอีกแล้ว ท่านไม่ได้ รอๆๆๆๆๆ อยู่เฉยๆ แบบที่เราเข้าใจกัน เพราะท่านมีการประยุกต์การเทรด Optionsเข้ามาเพิ่มเติมมากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ลงทุนสไตล์ VI ให้ได้เปรียบมากกว่าคนอื่น โดยกลยุทธ์นี้จะทำให้ทั้งเพิ่มกำไรและลดความเสี่ยง 

ซึ่งต้องบอกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดมากครับ

 

มีข้อมูลระบุชัดเจนอยู่ในรายงานไตรมาสแรกปี 2008 ของบริษัท Berkshire Hathaway ว่าบริษัทสร้างกระแสเงินสดได้ $4.5 Billion จากOption(คำใบ้คือคำว่า “premium” ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติมต่อไป)


Ref : https://berkshirehathaway.com/news/may0208.pdf

Options คืออะไร ?

Option คือสัญญาระหว่างผู้ซื้อ(Buyer)และผู้ขาย(Seller)ที่ทำข้อตกลงกันว่าจะซื้อหรือขายหุ้น จำนวนเท่านั้นเท่านี้ ในราคาเท่านั้นเท่านี้ ในอนาคต เมื่อราคาขึ้นหรือลงตามเงื่อนไขที่ระบบไว้ในสัญญา

ช่วงแรก ๆ อาจจะฟังดูเข้าใจยากนิดหน่อย เพราะเราแค่ไม่ชิน ผมเลยจะขอเปรียบเทียบว่า Option จริงๆก็คล้ายกับ “ประกัน”ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วนั่นเองครับ

 

Options = ประกัน

ให้นึกถึงการซื้อขายประกันรถยนต์ หากเราเป็นผู้ซื้อประกัน(Buyer) เราจะได้ประโยชน์หรือเคลมประกันได้ก็ต่อเมื่อรถเราเกิดอุบัติเหตุ 

ส่วนผู้ขายประกัน(Seller)ได้ประโยชน์ทันทีที่มีการซื้อขาย เพราะเขาจะได้ค่า Commission จากประกันที่เราซื้อนั่นเอง

จะดีไหมครับถ้าเราได้พูดคำว่า ดีนะที่เราซื้อ Options 

เพื่อประกันราคาหุ้นเอาไว้ตอนต้นปี วันนี้เราเลยได้ซื้อหุ้นในราคาต้นปี ที่ราคา 1 ดอลลาร์ เพื่อเอามาขายตอนนี้ที่ 10 ดอลลาร์

สรุปก็คือ Options คือการซื้อขายประกันของราคาหุ้นนั่นเอง 

ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายก็มีโอกาสได้ประโยชน์ได้ทั้งคู่ขึ้นอยู่กับว่า 

ในอนาคตราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง และเราเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย Options ประเภทไหนใน 4 ประเภทต่อไปนี้

 

ทำความรู้จัก Options Trader 4 ประเภท

ในตารางนี้คือเหตุการณ์ที่แต่ละประเภทอยากให้เกิดขึ้น

สีเขียวหมายถึงหลังจากซื้อขาย Options แล้วราคาหุ้นขึ้น

สีแดงหมายถึงหลังจากซื้อขาย Options แล้วราคาหุ้นลง

 

อธิบายคำศัพท์พื้นฐาน

Buy = คำสั่งในการซื้อ Options

Sell = คำสั่งในการขาย Options

Call = สัญญา Options ที่ผู้ซื้อมีสิทธิซื้อหุ้น

Put = สัญญา Options ที่ผู้ซื้อมีสิทธิขายหุ้น

 

Buy Call จับคู่คำสั่งกับ Sell Call 

ณ วันแรกที่จับคู่กันสำเร็จ คนที่ Sell Call จะได้เงินทันที

เรียกว่าค่า Premium และถ้าเวลาผ่านไปหุ้นดันขึ้นจริงๆ

คนที่ Buy Call จะได้กำไรส่วนต่าง เพราะใช้สิทธิซื้อหุ้นราคาถูก(อดีต)

เพื่อมาขายแพง(ปัจจุบัน)

 

Buy Put จับคู่คำสั่งกับ Sell Put

ณ วันแรกที่จับคู่กันสำเร็จ คนที่ Sell Put จะได้เงินทันที

เรียกว่าค่า Premium และถ้าเวลาผ่านไปหุ้นดันลงจริงๆ

คนที่ Buy Put จะได้กำไรส่วนต่าง เพราะใช้สิทธิขายหุ้นราคาสูง(อดีต)

เทียบกับราคาต่ำ(ปัจจุบัน)

 

ตัวอย่างการทำกำไรจากเทรด Options

 

ขอยกหุ้นในตำนานอย่าง KO หรือหุ้น Coca-Cola ซึ่งผมจะขอเรียกง่ายๆว่าหุ้นโค้กนะครับ สมมุติว่าปู่บัฟเฟตต์คำนวณมูลค่าของหุ้นโค้กได้ที่ราคา $5 และราคาปัจจุบันอยู่ที่ $4 โจทย์ก็คือคุณปู่ ต้องการถือหุ้นโค้กด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า $4 เพื่อให้ถือหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากขึ้นไปอีก(ถ้าซื้อหุ้นตอนนี้เลยจะได้ส่วนต่างแค่ $1) สิ่งที่คุณปู่จะทำก็คือ Sell Put Options ที่ราคา $3 ในช่วงเวลา 30 วัน

 

 

หมายความว่า ต่อจากนี้ไป 30 วัน

ถ้าราคาหุ้นเคลื่อนที่แบบเส้นสีแดง

คุณปู่บัฟเฟตต์จะรับซื้อหุ้นที่ราคา $3 เพราะราคาร่วงลงมาแตะที่ราคา $3 ถ้าราคาหุ้นเคลื่อนที่แบบเส้นสีน้ำเงิน

ราคาหุ้นไม่ร่วงลงมาโดนราคา $3 คุณปู่จะได้รับค่า Premium ฟรีๆ ประมาณ 1-2% ของมูลค่าหุ้นโค้กที่คุณปู่ขาย Options ไว้

 

ประเด็นก็คือ หากคนที่ลงทุนแนว VI ไม่รู้เรื่อง Options 

เขาก็จะทำได้แค่รอๆๆๆๆ ให้ราคาหุ้นลงมาถึงจุดที่ตั้งใจไว้

ซึ่งจะเสียโอกาสทำเงินไปฟรีๆ แต่ปู่บัฟเฟตต์ ไม่รอเฉยๆ

ระหว่างรอก็รับค่า Premium ฟรีๆ ประมาณ 1-2% ซึ่ง

 

ถ้าราคาหุ้นเคลื่อนที่แบบเส้นสีแดง

คุณปู่บัฟเฟตต์ก็จะได้ถือหุ้นที่ตัวเองตั้งใจซื้อในราคาที่ลดลงสองต่อ

คือลดจากราคา Day 1 และลดไป 1-2% จากค่า Premium

ถ้าราคาหุ้นเคลื่อนที่แบบเส้นสีน้ำเงิน

คุณปู่บัฟเฟตต์ก็จะได้กระแสเงินสด(Cashflow)ฟรีๆ 1-2% 

และทำซ้ำได้อีกเรื่อย ๆ วนไป

 

เราจะเริ่มเทรด Options ได้อย่างไร

 

เริ่มเทรด Options ได้จากโบรคเกอร์ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ

ถ้าในประเทศไทยคุณสามารถ ซื้อขาย SET50 Index Options ความหมายก็คือ เป็นการเทรด Options ที่อิงกับดัชนี SET50 ในประเทศไทยยังไม่มี Options ของ หุ้นรายตัวให้เทรดได้ แต่ในต่างประเทศเราสามารถเทรด Options ของหุ้นรายตัวได้

ซึ่งโบรคเกอร์ที่เราคิดว่ามีความน่าเชื่อถือสูงสำหรับการเทรด Options  หุ้นอเมริกาคือ TastyWorks กับ Interactive Brokers ครับและถ้าคุณอยากจะเริ่มต้นได้แบบมั่นใจ เรามีสัมมนาออนไลน์ให้คุณได้เริ่มเรียนรู้ได้ฟรี คลิ๊กที่ปุ่มลงทะเบียนได้เลย

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save